ต้นเหตุกดหุ้นโลก!!

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันที่ 28 เม.ย.66 ปิดที่ 1,529.12 จุด ต่ำลง 2.11 จุด มีมูลค่าการค้าขาย 45,043.38 ล้านบาท นักลงทุนฝรั่งขายสุทธิ 2,722.20 ล้านบาท

เศรษฐศาสตร์ ศูนย์พินิจพิจารณาเศรษฐกิจแล้วก็แผนการทิสโก้ ออกบทวิจารณ์น่าดึงดูดกล่าวว่า เดี๋ยวนี้ระดับดรรชนี S&P500 ที่เกิน 4,000 จุด แล้วก็อัตราส่วนราคาตามท้องตลาดต่อกำไรทั้งสิ้น (P/E) สูงขึ้นยิ่งกว่า 18 แค่นั้น เป็นระดับที่ได้โอกาสปรับขึ้นต่อได้จำกัด แล้วก็เป็นระดับที่ควรจะลดความอ้วนการลงทุน โดยมีการเสี่ยงขาลง 10-15% จากระดับปัจจุบันนี้ โดยการเสี่ยงขาลง เป็นไปตามการปรับลดคาดเดากำไรบริษัทลงบัญชี ที่กำลังพบเจอแรงกดดันจากหลายด้าน ดังเช่นว่า 1.ทุนการคลังที่มากขึ้นอีกทั้งจากการขึ้นดอกของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) รวมทั้งการขึ้นดอกเงินออมของธนาคารพาณิชย์เพื่อขจัดปัญหาเงินออมไหลออกมาจากภาคแบงค์ตอนก่อนหน้าที่ผ่านมา 2.ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการขาดสภาพคล่องในภาคแบงค์ ทำให้ปลดปล่อยกู้รอบคอบมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งบางทีอาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง 3.การรอตัวของเศรษฐกิจที่สะท้อนผ่านดรรชนีภาคการสร้าง ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 46 จุด เวลาที่ผลที่เกิดจากการสำรวจนักวิเคราะห์ยังคาดว่ากำไรจะยังทรงตัวได้เท่าปีที่ผ่านมา แสดงว่าคาดหมายกำไรบางทีอาจจะต้องมีการปรับน้อยลงอีกในอนาคต

ต้นเหตุกดหุ้นโลก!!

นอกนั้นคาดว่าสภาพคล่องจะกลับมาน้อยลงอย่างสม่ำเสมอ แล้วก็เป็นอีกต้นเหตุบีบคั้นตลาดหลักทรัพย์โลก ด้วยเหตุว่า Fed จะยังคงเดินหน้าดึงสภาพคล่อง ออก (QT) 

ในอัตรา แสนล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ต่อเดือนตามแผนเดิมปัญหาสภาพคล่องในภาคแบงค์สหรัฐอเมริกา ข่าวเศรษฐศาสตร์ ที่บรรเทาลงจะก่อให้ธนาคารพาณิชย์ที่ใช้วงเงินกู้รีบด่วนจากเฟดเพื่อเสริมสภาพคล่อง เริ่มทยอยคืนเงินกู้รวมทั้งการตกลงเพิ่มเพดานหนี้สินของสภานิติบัญญัติสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นตอนเดือน ไม่.ย.ถึง กรกฎาคมจะก่อให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกา กลับมาออกขายพันธบัตรเพื่อกู้ยืมเงินจากตลาดเป็นปริมาณเป็นอย่างมาก ซึ่งอุปทานของพันธบัตรที่มากขึ้น จะเป็นการซึมซับสภาพคล่องออกมาจากตลาดรวมทั้งทำให้บอนด์ยิลด์กลับมามากขึ้น ในตอนที่ตลาดค้าหุ้นอาจมีเหตุหนุนจากหัวข้อที่ Fed ได้โอกาสกลับมาลดดอกในช่วงหลังของปี แม้กระนั้นทิสโก้ประเมินว่าเหตุบวกนี้ ได้ถูกสะท้อนเข้าไปในราคาหุ้นมากมายแล้ว โดยจากสถิติตอน 12 เดือนภายหลังที่ Fed ลดดอก ค่า P/E ของตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกาจะมากขึ้นเฉลี่ย 10% ซึ่งถ้าหากมองการเคลื่อนที่ของตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ตอนกึ่งกลาง มี.ค.ซึ่งตลาดเริ่มคาดเดาว่า Fed จะกลับมาลดดอก พบว่าค่า P/E ของตลาดมากขึ้นมาแล้วราว 8% ซึ่งสะท้อนว่าตลาดได้ซึมต้นสายปลายเหตุบวกไปๆมาๆแล้ว

แนะนำข่าวเศรษฐศาสตร์ อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : วิชั่น “กีรดี ธุระพยายามวัฒน์” ปั้นท่าอากาศยานสุวรรณภูมิสู่เวิลด์คลาส